ทริปทิเบต เส้นทางรถไฟ เที่ยวทิเบตเต็มที่ ซีอาน ฉงชิ่ง
Trip Code : TBNP02

กำหนดจัดการเดินทาง
19-29 ตุลาคม 2561
// ราคาท่านละ 92,900 บาท สมาชิกเก่า ลด 1,000 บาท พักเดี่ยวเพิ่ม 12,000 บาท
**หมายเหตุ : โปรแกรมนี้ปรับขั้นมา จากการที่เนปาลประสบเหหตุแผ่นดินไหวนะครับ เราเลยเลือกที่จะเดินทางแบบเจาะลึกทิเบต และ เดินทางกลับจากฉงชิ่งแทนครับ
สถานที่น่าสนใจ : ซีหนิง เส้นทางรถไฟสู่ทิเบต กรุงลาซา พระราชวังโปตาลา พระราชวังฤดูหนาวนอร์บูลิงคาร์ วัดโจคัง วัดเซรา วัดเดรปุง ทะเลสาบยัมดรก สถูปคูมบูม เมืองเจียนเซ่ วัดตาชิหลุนโป วัดศากยะ วัดซัมเย่ ยัมบุลาคัง เที่ยวฉงชิ่ง
โปรแกรมนี้เราก็จัดมาหลายปีนะครับ หลายครั้งเจอปัญหา และบางครั้งถึงขึ้นเกือบถอดใจที่จะเลิกจัดกันเลย ทั้งมีเรื่องปัญหาสุขภาพของลูกค้า เพราะว่าเราต้องเดินทางขึ้นสู่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ คนไทยไม่คุ้นชิน ย่อมเกิดปัญหาเรื่องการแพ้ความสูง มากบ้างน้อยบ้าง (แต่เดี๋ยวนี้สบายครับ ประสบการณ์สูง ตัวช่วยเริ่มเยอะ) บางครั้งก็เจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือปัญหาที่เกิดจากธรรมชาติ ทำให้เราเข้าเบสแคมป์ไม่ได้ (อันนี้เหตุสุดวิสัยครับ) แต่ละครั้งก็จะเจอปัจจัยต่างๆที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามที่เรายังคงจัดโปรแกรมนี้ไว้ เพราะว่าเส้นทางนี้ยังคงเป็นเส้นทางในฝันของหลายๆท่าน และยังมีหลายอย่างที่ยังคงน่าสนใจ
ถึงแม้ว่าเราจะเจออะไรมาเยอะในเส้นทางนี้ การปรับโปรแกรมเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่น แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องรบกวนขอร้องกันไว้ล่วงหน้าสำหรับท่านที่สนใจโปรแกรมนี้นะครับ ปัจจัยต่างๆในการจัดทริปนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ เปิดใจไว้ล่วงหน้า ถึงเหตุการณ์ที่อาจไม่คาดฝัน แล้วเตรียมตัวไปเปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางกันครับ
โปรแกรมการเดินทาง
[B=Breakfast อาหารเช้า / L=Lunch อาหารกลางวัน / D=Dinner อาหารเย็น]
วันแรกของการเดินทาง ( กทม. - ซีอาน ) [D]
14.00 น. นัดพบกันที่สนามบินดอนเมือง ประตู 1-3 เคาน์เตอร์ แอร๋เอเชีย เพื่อเช็คอินเที่ยวบิน FD2568 (16.25-21.35) เดินทางสู่ ซีอาน ประเทศจีน
21.35 น. เดินทางถึงสนามบินซีอาน หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางออกจากสนามบิน เข้าสู่ตัวเมืองซีอาน รับประทานอาหารค่ำ
วันที่สองของการเดินทาง (ซีอาน - สุสานจักรพรรดิ จิ๋นซี - เจดีย์ห่านป่าใหญ่ - ซีหนิง) [B-L-D]
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้น เดินทางสู่ สุสานจักรพรรดิ จิ๋นซี มหาสุสานของจักรพรรดิจีน จิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) แห่งราชวงศ์ฉิน ชมซากของทหารดินเผา อายุกว่า 2,000 ปี รวมทั้ง สรรพาวุธ รถม้าศึก กว่า 7,400 ชิ้น สุสานแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2530
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเดินทางกลับเข้ามาในเมืองซีอานแวะ ถ่ายรูปเที่ยวชม รูปปั้นของพระถังซัมจั๋ง หน้าเจดีย์ห่านป่าใหญ่ จากตำนานเรื่องราวของ พระถังซัมจั๋ง (ซวนจั้ง) ที่เดินทางจากซีอาน สู่ อินเดีย ผ่านทางเส้นทางสายไหม และ นำเรื่องราวการเดินทางเขียนบันทึกเอาไว้ จนเป็นที่มาของเรื่อง "ไซอิ๋ว" ที่เรารู้จักกันดีครับ (ส่วนข้างใน ไม่เหลืออะไรให้ดูแล้วครับ)
บ่าย เดินทางไปสนามบิน เช็คอินเที่ยวบิน ZH9835 (XIY 16.15 – XNN 17.35) เดินทางสู่เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ของประเทศจีน หลังจากนั้นเดินทางไป รับประทานอาหารเย็น แล้วเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก
วันที่สามของการเดินทาง (ซีหนิง - วัดถ่าเอ๋อ - รถไฟตู้นอนกลางคืนสู่ลาซา) [B-L-D]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรม แล้วเที่ยวชม วัดถ่าเอ๋อ วัดทิเบตที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของมณฑลชิงไห่ ซึ่งเดิมเป็นบ้านเกิดของ องค์ซองกาปา ลามะองค์สำคัญผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธทิเบต นิกายหมวกเหลือง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย เดินทางสู่สถานีรถไฟ ซีหนิง เพื่อขึ้นรถไฟตู้นอนแบบเตียงนุ่ม T197 (15.05 น.) (ห้องละ 4 ท่าน) เดินทางสู่ลาซา มณฑลซีจั้ง (ทิเบต) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 23 ช.ม. บนรถมีตู้เสบียง และ ห้องน้ำ
** หมายเหตุ ตารางบินภายในซีอาน-ซีหนิง และ ตารางรถไฟ ซีหนิง-ลาซา อาจมีการเปลี่ยนแปลง ทางหัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ทราบและปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามตารางที่ได้รับมาอีกทีนะครับ
วันที่สี่ของการเดินทาง (รถไฟชมวิว - ถังกู่ลา - ลาซา) [ B-L-D ]
07.00 น. ตื่นมาเตรียมตัว ขึ้นสู่ระดับความสูง 5,000 เมตร (โดยรถไฟจะมีระบบ อ็อกซิเจนช่วยเหลือ) เดินทางผ่านที่ราบสูง ความสูงตั้งแต่ 3000-5100 เมตร ผ่านวิวทุ่งหญ้า ภูเขาหิมะ มากมายสองข้างทาง จนกระทั่งถึง สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก สถานีถังกู่ลา 5,100 เมตร
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ตู้เสบียง บนรถไฟ อาหารอาจจะไม่ดีพร้อมเท่าบนภัตตาคารนะครับ
บ่าย รอเวลาที่รถไฟจะเข้าเทียบชานชลา ที่สถานีลาซา เวลา 14.45 น.
เย็น รับประทานอาหารเย็น และเข้าพักผ่อนที่โรงแรมในเมืองลาซา
วันที่ห้าของการเดินทาง (พระราชวังโปตาลา - พระราชวังนอบูลิงคา - วัดโจคัง - วัดเซรา) [ B-L-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรม แล้ววันนี้เป็นวันที่เราจะเที่ยวชม เมืองลาซาเกือบทั้งวัน เริ่มตังแต่ พระราชวังโปตาลา ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,600 เมตร บนที่ราบสูงทิเบต พระราชวังซึ่งเป็นทั้งป้อมปราการ และ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 17 บนที่ตั้งปราสาทในสมัยพระเจ้าสองสันกัมโป ปราสาทถูกทำลายและสร้างใหม่หลายครั้งหลายคราว จนถึงทะไลลามะองค์ที่ 5 ใน ค.ศ. 1617 - 82 มีพระบัญชาให้สร้างปราสาทนี้ในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วังขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่า วังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง ซึ่งสร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี พระราชวังโปตาลามีระเบียงที่มีภาพเขียนสีเรียงซับซ้อน มีทั้งบันไดไม้บันไดหิน มีห้องสวดมนต์ที่ตกแต่งสวยงาม มีรูปเคารพเกือบสองแสนองค์ ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา จากนั้นไปต่อที่ พระราชวังนอบูลิงคา ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อน (นอร์บุหลิงฆา แปลว่า สวนอัญมณี) สร้างขึ้นในช่วงหลังศตวรรษที่ 18 โดยดาไลลามะที่ 7 และดาไลลามะองค์อื่นๆ ได้สร้างต่อเติมขึ้นมาเรื่อย ๆ ชมบัลลังก์เทวราชและงานจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประสบการณชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางสู่ตลาดแปดเหลี่ยม
บ่าย ใจกลางของตลาดแปดเหลี่ยมก็คือวัดสำคัญอีกแห่งในเมืองลาซา วัดโจคัง (วัดต้าเจา) เป็นวัดที่ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวทิเบต วัดโจคังสร้างในสมัยของกษัตริย์ซงจ้านกันปู้ (อยู่ในปีค.ศ.620-649) เพื่อไว้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่มเหสี ชาติจีนและเนปาล ที่นำเข้ามายังทิเบต ศิลปะการก่อสร้างมีจุดเด่นตรงที่นำเอาศิลปะของ 4 ชาติมาผสมกันคือ ทิเบต จีน เนปาลและอินเดีย นอกจากนี้พระพุทธรูปที่พระนางเหวินเฉิง นำมาจากประเทศจีน ซึ่งได้รับการกราบไหว้และยอมรับกันอย่างมากว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แม้แต่พวกขบวนการเรดการ์ดหรือกองทัพแดงของจีนที่ทำลายทุกอย่างในสมัยการปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศจีน ก็ยังไม่กล้าแตะต้องพระพุทธรูปองค์นี้ แล้วช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เราไปดูพระลามะ ที่กำลังบวชเรียนที่วัดเซรา สร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกระท่อมที่พระชองฆาปา ศึกษาธรรมะปฎิบัติกรรมฐาน สร้างโดยศิษย์รูปหนึ่งของชองฆาปา (Tsong Khapa) เมื่อปี ค.ศ. 1419 (ชองฆาปา มีอายุอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1357-1416 เป็นผู้ก่อตั้งพุทธศาสนา นิกายคุณธรรม หรือ นิกายหมวกเหลือง ตามประวัติเล่ากันว่า ชองฆาปา ก็คือพระอาจารย์ขององค์ ดาไลลามะที่ 1) เคยมีพระจำวัดอยู่ถึงเกือบ 5,000 รูป เป็นอารามที่รู้จักกันดีทั่วทิเบต ปัจจุบันมีพระจำวัดอยู่ประมาณ 300 รูป ซึ่งช่วงบ่ายๆ ลามะ ที่ทำการ ถามตอบตบมือ พระลามะ 2 รูป ก็จะพลัดกันถามคำถามจากข้อธรรมะ โดยผู้ที่ถามจะยืนตบมือ หรือแสดงอาการเกรี้ยวกราดในขณะที่ถาม ผู้ที่ถูกถามก็จะพยายามตอบคำถามต่าง ๆ แล้วก็จะผลัดกันถาม เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป
เย็น รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนเยอะๆ ตามอัธยาศัย
วันที่หกของการเดินทาง ( วัดเดรปุง - ทะเลสาบยัมดรก - สถูปคูมบูม - เจียนเซ่ - ซิกัตเซ่ ) [ B-L-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าแล้ววันนี้ เราเก็บกระเป๋า ออกเดินทางจากลาซาแล้วครับ เราแวะเที่ยววัดสุดท้าย วัดเดรปุง (วัดเจ๋อปั้ง) อารามเดรปุง (เจ๋อป้างซื่อ) เป็นอารามที่ใหญ่ที่สุดในทิเบตและใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในปี 1416 โดยจามยาง ชุเจ ผู้ที่สามารถรวบรวมเงินในการสร้างโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ในอดีตอารามเดรปุงมีพระอาศัยอยู่ประมาณ 10,000 รูป แต่ปัจจุบันเหลือพระอยู่ประมาณ 500-600 รูป เรามุ่งหน้าไปที่เมือง เจียนเซ่ และ ชิกัตเซ่ โดยเราจะผ่านทะเลสาบยัมดรก 1 ใน 3 ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนทิเบต ซึ่งผมว่าน่าจะสวยที่สุดสำหรับ 3 แห่ง เนื่องจากน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ จะเป็นสีฟ้างดงามกว่าที่อื่นๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันระหว่างการเดินทาง
บ่าย เดินทางผ่านภูเขาหิมะ และ ธารน้ำแข็ง ก่อนจะเข้าสู่เมือง เจียนเซ่ (บางที่เรียก กังสเต) แล้วจึงเดินทางไปที่ สถูปคูมบูม เจดีย์ สูง 32 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ สถูปนี้เป็นสถาปัตยกรรมชั้นเลิศของทิเบต ก่อสร้างตามแบบมันดาลาใน ลักษณะ 3 มิติ เป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุ ปลายยอดสถูปเป็นหอประดิษฐานพระพุทธรูป มุมในทิศหลักทั้งสี่รอบตัวสถูปมีเจดีย์ตั้งอยู่ พื้นที่รอบตัวสถูปมี 4 ชั้น ทางเข้าไปสู่ส่วนกลางของสถูปเป็นสัญลักษณ์แทนทางศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำไปสู่ การปลดปล่อยวิญญาณ แล้วเดินทางต่อไปเมืองซิกัตเซ่
เย็น รับประทานอาหารเย็น แล้ว เข้าสู่ที่พักที่เมืองซิกัตเซ่ เรายังไม่พ้นเขต ความสูงนะครับ เดินช้าๆ พักผ่อนเยอะๆ
วันที่เจ็ดของการเดินทาง ( ชิกัตเซ่ - วัดตาชิหลุนโป - วัดซาเจีย) [ B-L-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนมาก แล้วไปเที่ยวชม วัดตาชิหลุนโป วัดหลักขององค์ปัญเชนลามะ ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของพระในตำแหน่งปันเชนลามะ จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1989 เป็นบุคคลสำคัญอันดับ 2 รองจากทะไลลามะ ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ.1447 โดยศิษย์ของพระซง-กัมปา ได้รับการต่อเติมในช่วงศตวรรษที่17 และ 18 ในอดีตอารามแห่งนี้เคยมีพระจำวัดถึง 4,000 รูป ปัจจุบันเหลือเพียง 600 รูป อาคารที่สำคัญที่สุดในอารามแห่งนี้คือ หอพระเมตไตรย์ ที่ประดิษฐานพระรูปพระศรีอริยเมตไตรย์ สีทองวาว สูง 26 เมตร และ อนุสาวรีย์ปันเชนลามะองค์ที่ 4 สร้างในค.ศ.1662 เป็นอนุสาวรีย์สูง 11 เมตร ตกแต่งด้วยทองคำ เงิน และแร่รัตนชาติมีค่าจำนวน มาก ด้านหลังอารามมีกำแพงหินสูงอยู่บนแนวเขาที่ลาดชัน ในวันเทศกาลใช้เป็นที่แขวนผ้าธังก้า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
บ่าย เดินทางต่อสู่วัดซาเจีย (sak'ya) ซึ่งอยู่ในนิกายหมวกแดง แต่ความประหลาดของวัดอยู่ที่ ต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่นำมาใช้สร้างวัด เมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้ถูกนำมาจากเนปาล ซึ่งอยู่ห่างไกลหลายร้อย กม. และ เส้นทางสูงชัน แต่ยังสามารถนำเสาไม้ หลายคนโอบ สูงกว่า 20 เมตร มาสร้างวัดแห่งนี้ได้ จากนั้นเดินทางต่อไปเมืองใหม่ติงยื่อ
เย็น รับประทานอาหารเย็น ที่เมืองใหม่ติงยื่อ และ เข้าสู่ที่พัก ซึ่งอาจจะ ไม่ดีอะไรมากมายเท่าเมืองใหญ่ๆ นะครับ (ประมาณ 2 ดาว เริ่มลำบากแล้วไหมครับ)
วันที่แปดของการเดินทาง (เมืองเซตัง - อารามจาสือหลุนปูซื่อ) [ B-L-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรมแล้ว เดินทางย้อนกลับไปทางเมืองลาซา ก่อนจะเดินทางต่อไปเมืองเซตัง ระหว่างทาง ชมวิวทิวทัศน์แบบทิเบต ซึ่งอยู่ในพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล ค่อนข้างมาก ฟ้าจะใสมากครับ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันระหว่างเดินทาง
บ่าย เดินทางถึงเมืองเซตังแล้วเราไปเที่ยว อารามจาสือหลุนปูซื่อ เป็นอารมที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ .1447 ซึ่งเป็นที่ประทับของ ที่ประทับขององค์ปานเชนลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณอันดับ 2 ของทิเบต
เย็น รับประทานอาหารเย็นแล้วเข้าสู่ที่พัก
วันที่เก้าของการเดินทาง (วัดซัมเย่ - ยัมบุลาคัง -วัดชางจู) [ B-L-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรม แล้วเช็คเอาท์ ออกเดินทางเที่ยวชมสถานที่สำคัญอื่นๆในเมืองเซตังครับ วัดซัมเย่ (Samye Monastery) นับวัดแห่งแรกของศาสนาพุทธนิกายวัชรยานในทิเบต การก่อสร้างวัดซัมเย่ใชเวลากว่า 12 ปี ซึ่งวัดซัมเย่สร้างตามความเชื่อทางอินเดีย คือ มีวิหารหลักเปรียบดังเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของจักรวาล มีอาราม 4 ทิศ เปรียบเสมือนทวีปทั้งสี่ และมีอารามด้านนอกอีกแปดทิศ เป็นสัญลักษณ์ของประทีปในจักรวาล มีสถูปทางทิศเหนือและใต้ แทนพระอาทิตย์และพระจันทร์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย เที่ยวชม พระราชวังยัมบุลาคัง พระราชวังแห่งแรกของทิเบต ตั้งอยู่บนเนินเขาสมารถมองเห็นวิวในมุมสูงได้ และเที่ยวชม วัดชางจู ซึ่งในภาษาจีน แปลว่า ไข่มุกอันรุ่งเรือง แต่ในภาษาทิเบต เหยาหลง หรือเหยี่ยวมังกร เป็นวิหารรุ่นแรกของทิเบต และปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์
เย็น รับประทานอาหารเย็นแล้วเข้าสู่ที่พัก
วันที่สิบของการเดินทาง (ลาซา – ฉงชิ่ง – หงหยาต้ง – เมืองโบราณซีฉีกั๋ว - ต้าจู๋) [ B-D ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรม แล้วเช็คเอาท์เดินทางกลับสู่สนามบินลาซา เพื่อเช็คอินเที่ยวบิน CZ8166 (LXA 12.15 – CKG 14.25) เดินทางสู่เมืองฉงชิ่ง
กลางวัน อาหารกลางวัน วันนี้อิสระรับประทานที่สนามบินนะครับ
บ่าย เดินทางถึงเมืองฉงชิ่งแล้วเดินทางไปเที่ยวชม หงหยาต้ง เป็นอาคารที่สร้างขั้นในแบบโบราณขนาดใหญ่ ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายสินค้าที่ระลึก และเดินทางต่อไปชมเมืองโบราณของจริงกันบ้างครับ เมืองโบราณซีฉีกั๋ว เป็นเมืองที่ยังรักษาวิถีชิวิตอย่างดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป้นอาคาร บ้านเรือน สินค้า และอาหารแบบพื้นเมืองครับ
เย็น เดินทางต่อสู่เมืองต้าจู๋ เพื่อไปสัมผัสกับมรดกโลกอีกแห่งที่เมืองนี้ครับ เดินทางถึงต้าจู๋ก็รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนเอาแรงกันไว้ครับ
วันที่สิบเอ็ดของการเดินทาง (เป๋าติ่ง - ฉงชิ่ง –กรุงเทพ) [ B-L ]
เช้า รับประทานอาหารเช้าจากโรงแรม แล้วออกไปเที่ยวชม ผาแกะสลักเป๋าติ่ง ซึ่งเป็นจุดที่เป็นหน้าผาแกะสลักที่ยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างที่สุดในเมืองต้าจู๋ เป็นผาที่เริ่มแกะสลักตั้งแต่ยุคราชวงศ์ซ่งจนถึงราชวงศ์ชิง เลยทีเดียวครับ ที่มีการแกะสลักที่นี่ เพราะมีความเชื่อว่าเป๋าติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการแกะสลักหินไว้ เพื่อใช้เป็นศาสนสถาน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ก่อนเดินทางกลับสู่เมืองฉงชิ่ง
17.30 น. เดินทางถึงสนามบินฉงชิ่ง เช็คอินเที่ยวบิน FD553 (CKG 19.55 - DMK 22.05) เดินทางกลับสู่ กทม. โดยสวัสดิภาพ (มื้อเย็น รับบประทานอาหารบนเครื่องนะครับ – จะเลือกเมนูเด็ดสุดของแอร์เอเชียให้เลยครับ)
22.05 น. เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพ โดยสวัสดิภาพ
* หมายเหตุ * อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโปรแกรม เนื่องจากเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งทางทีมงานผู้นำทัวร์ หรือ ไกด์ท้องถิ่น สามารถตัดสลับ โดยเน้นประโยชน์และความพอใจของคณะทัวร์ส่วนใหญ่เป็นสำคัญ และ พยายามจะแจ้งล่วงหน้าเท่าที่ทำได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าในขณะนั้นด้วยนะครับ
รูปภาพทริปที่ผ่านมา
ค่าใช้จ่าย 92,900 บาท / ท่าน สมาชิกเก่าลด 1,000 บาท พักเดี่ยวเพิ่ม 12,000 บาท
ค่าใช้จ่ายนี้รวม
- ตั๋วเครื่องบิน แบบกลุ่ม ชั้นประหยัด ตามที่ระบุในโปรแกรม
- ค่าวีซ่าจีน แบบเข้าครั้งเดียว 1000 บาท และค่าจัดทำวีซ่า
- ค่า โรงแรมทั้งหมด 10 คืน ระดับ 2-4 ดาว ยกเว้นคืนที่ต้องนอนบนรถไฟนะครับ
- การเดินทางพาหนะ ตลอดการเดินทาง ค่าเข้าสถานที่ในโปรแกรมทั้งหมด
- ค่าอาหารทุกมื้อ ตลอดการเดินทาง แต่ ขึ้นอยู่กับสภาพร้านอาหาร ในท้องถิ่นพื้นที่นั้น อาจจะเป็นภัตตาคารบ้าง ร้านธรรมดาบ้าง หรือ แบบแพคกิ้งปิคนิคบ้างนะครับ
- ประกันอุบัติเหตุ วงเงิน 1,000,000 บาท
- ประกันสุขภาพ
ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวม
- ค่าเครื่องดื่มมินิบาร์ แอลกอฮอล์ โทรศัพท์ หรือ ซักรีด ในโรงแรม
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ชอปปิ้ง
- ค่าทิปตอบแทน คนขับรถ ในประเทศจีน (ประมาณ 30 หยวน/วัน/ท่าน หรือ รวม 330 หยวน/ท่าน)
การยกเลิกทริป
ทราเวลไลฟ์ไทยแลนด์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่าย และค่าดำเนินการ กรณีผู้สมัครทริป ยกเลิกการเดินทางด้วยตัวเอง
การทำวีซ่า จัดส่ง(หรือนัดรับ) หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่มีอายุเหลือ มากกว่า 6 เดือน (นับจากวันเดินทาง) มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า และ รูปถ่ายสี 2 นิ้ว 2 รูป(หน้าตรงไม่สวมแว่น) มาที่
- บนถนนเส้นทางนี้มีสภาพเส้นทางที่หลากหลาย บางครั้งเป็นทางด่วน ทางลูกรัง ทางไต่เลียบเลาะเขา และมีบางวันที่ต้องนั่งรถนาน ควรเตรียมขนม และ อื่นๆ พร้อมสำหรับการนั่งรถนานๆ นะครับ (มีนั่งรถยาว 7-9 ชม. )
- สภาพห้องน้ำ อาจจะยังเจอห้องน้ำสกปรกอยู่บ้างระหว่างเส้นทาง แต่ ห้องพักรับประกันความสะอาดครับ
- สภาพอากาศ ทริปนี้ จะค่อนไปทางหนาวในช่วงเช้าและเย็น และมีแดดแรงในช่วงกลางวัน
- การแลกเงิน (ส่วนของประเทศจีน) ควรแลกเงินหยวนจีน (CNY) ไปให้พร้อมจากเมืองไทย โดยสามารถแลกที่ Super Rich จะได้เรทดีกว่าที่สนามบิน ( Super Rich 1 CNY ประมาณ5.5 ฿ สนามบิน 1 Cny = 6.0 ฿ โดยประมาณ )
สาธารณูปโภค
- โรงแรม ในทริปนี้ เป็นระดับมาตราฐาน 2-4 ดาว
- ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าในจีน เป็นระบบไฟฟ้า 220 V 50-60Hz และรูปแบบปลั๊กเช่นเดียวกับประเทศไทย
089-636 7666 / user : TravelLifeThailand
088-533 3342 / user : TravelLifeThailand02
|
ทัวร์ทิเบต เอเวอร์เรสต์เบสแคมป์ เส้นทางรถไฟ ทะลุเนปาล |
|